วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม พ.ศ. 2557

รับราชการเป็นอาชีพที่มั่นคง (ได้ยินมาตั้งแต่เด็ก)

ผมเติบโตมาในครอบครัวที่ทุกคนรับราชการ ไม่ว่าจะเป็น คุณตา คุณพ่อ คุณแม่ น้า อา ป้า ทั้งทางพ่อ และทางแม่ ก็จะถูกพร่ำสอนเริ่อยมาว่า รับราชการเป็นอาชีพที่มั่นคง มีสวัสดิการรักษาเราจนแก่จนเฒ่า จนเสียชีวิต มีเงินบำนาญให้ใช้ เป็นอาชีพที่มีเกียรติ ผู้คนเคารพนับหน้าถือตา และผมก็เติบโตขึ้นมาในวัฒนธรรมแบบนั้น และที่พ่อแม่บอกก็เป็นจริงทุกประการ ผู้คนรอบ ๆ ข้าง ให้ความเคารพพ่อแม่เรา เป็นบุคคลที่น่าเชื่อถือ และได้รับความไว้วางใจจากคนรอบข้าง ยามเจ็บไข้ได้ป่วย ค่ารักษาพยาบาลก็ไม่ต้องเสียสักบาท แถมยังสามารถรักษาได้ถึง คุณตา คุณยาย และลูก ๆ อีก มันช่างดีอะไรอย่างนี้
   แต่สิ่งที่สังเกตเห็นได้ชัดเจนคือเงินเดือนของข้าราชการนั้นมันไม่เยอะเลยครับแต่ครอบครัวของเราก็ภาคภูมิใจกับมัน และคำอวยพรจากผู้หลักผู้ใหญ่ส่วนมากก็คือขอให้ได้เป็นเจ้าคนนายคนเป็นครู เป็นตำรวจอะไรประมาณนั้น และตัวผมเองก็ถูกคาดหวังว่าจะต้องเป็นแบบนั้น
  พอผมเติบใหญ่ขึ้นมาพ่อก็บอกว่ารอวไปสอบนายร้อยตำรวจดูสิ ไปสอบเล่นๆดูติดหรือไม่ติดก็ไม่เป็นไรตอนนั้นผมอยู่ ม4ก็ไปสอบให้พ่อแต่ผลสอบก็คือไม่ติดแต่พ่อก็เหมือนยังมีความหวังอยู่ลึกๆว่าเดี๋ยวสอบใหม่ได้ พอถึงม6พ่อก็เกริ่นๆอีกว่าลองสอบนายร้อยใหม่อีกทีไหมเพื่อเป็นทางเลือกผมก็ตอบรับว่าโอเคเดี๋ยวไปสอบซึ่งตอนนั้นสอบเอนทรานซ์เสร็จพอดีก็เลยไปสอบโดยนั่งรถจากโคราชตอนตี4และสอบเสร็จก็กลับเลยไปสอบอย่างไม่ตั้งใจ และผมก็ไม่เคยที่คิดจะเช็คตรวจผลสอบเลย เพราะตอนนั้นผลเอ็นทรานต์ออกแล้วและผมได้เขัาเรียนมหาลัย.
      แต่เรื่องประหลาดใจก็เกิดขึ้นเมื่อเพื่อนโทรมาบอกว่า เราสอบผ่านนายร้อยตำรวจ ตอนนั้นเราก็ดีใจมากและครอบครัวก็ดีใจเป็นที่สุด แต่ถ้าต้องไปเรียนจริงๆเราอาจจะไม่ชอบก็เริ่มกังวล 
ผมก็เลยไปเช็ครายละเอียด พบว่ามันเลยวันที่ต้องไปรายงานตัวแล้ว แอบดีใจลึกๆแต่พ่อก็คงเสียใจอยู่ไม่น้อย เราก็เลยบอกพ่อว่าเดี๋ยวเรียนจบมหาลัยค่อยมารับราชการก็ได้
  แต่หลังจากเรียนจบ และได้ไปเรียนต่อโทและก่อนจบก็ได้ไปสมัครทุนของข้าราชการไว้ และเขาก็เชิญเรามาสัมภาษณ์ที่เมืองไทย รู้สึกดีใจมากเพราะแน่ๆ ได้กลับบ้านฟรี ๆ และได้รับราชก็คงเป็นดั่งที่พ่อแม่ตั้งใจ แต่ผลสัมภาษณ์เราไม่ได้ แต่ก็ไม่เสียใจเพราะ เราได้ตั๋วไปกลับ ฟรี ๆ
      หลังจากเรียนจบทุกอย่างจะต้องทำงานจริง ๆ แล้วละสิ ก็มองหาอยู่หลาย ๆ งาน แต่ตอนนั้นไม่อยากทำงานราชการเลย ก็เลยทำงานเอกชนเรื่อย ๆมา ก็เปลี่ยนบริษัทไปเรื่อย ๆ ตามการลเวลาและโอกาส ซึ่งเราก็มองว่าทำงานเอกชนก็มั่นคงน่ะ มีสวัสดิการเช่นกัน มีเงินออม มีอะไรเยอะแยะไม่ต่างจากรับราชการ  แต่เมื่อไม่กี่อาทิตย์ที่ผ่านมา ที่บริษัทที่ทำอยู่มีการปรับองค์กร โดยเรียกแต่ละคนเข้าไปคุย ซึ่งเนื้อหาที่คุยคือ คุณได้อยู่ต่อ หรือ ถูกจ้างออก มันน่ากลัวสุด ๆ ผมโชคดีที่ได้ไปต่อ แต่คนที่ถูกจ้างออกนี้สิครับ คงมืดไป 8 ด้าน แต่บางคนรับมือได้เร็วก็จะรีบหางานใหม่ ก่อนหมดสัญญาจ้าง เงินที่ได้จากการจ้างออกก็ถือเป็นโบนัส แต่คนที่อายุเยอะแล้ว และอยู่มานาน คงยากที่จะหางานใหม่ และเริ่มใหม่ในองค์กรอื่น ๆ
      ถึงตอนนี้ก็ได้เข้าใจอย่างลึกซึ่งว่าอาชีพราชการเป็นอาชีพที่มั่นคง ถึงเงินจะน้อย แต่ก็พอเพียงเลี้ยงชีพให้ดำรงชีวิตอยู่ได้ ถ้าเป็นครูก็จะมีวันหยุดตอนที่เด็ก ปิดเทอม และเรายังสามารถทำอะไรอย่างอื่นที่เราชอบได้อีก ไม่ว่าจะเป็นอาชีพเสริม หรือ งานอดิเรก อย่างที่พ่อกับแม่ทำมาจนเลี้ยงเราจนเติบใหญ่มาได้ทุกวันนี้


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น